สำหรับธุรกิจโรงงาน OEM ผลิตครีมและเครื่องสำอางครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงผู้ผลิตตามคำสั่งของแบรนด์อื่น แต่ในปัจจุบันหลายแบรนด์ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อสร้างแบรนด์ของตนเอง นอกจากจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสในการเติบโตและเข้าสู่ตลาดในระดับสากลอีกด้วย ดังนั้นกลยุทธ์สำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จมีดังนี้
- คัดเลือกและพัฒนาผลิตภัณฑ์เด่นของบริษัท
ธุรกิจ OEM จะมีผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทตามที่ลูกค้าสั่งผลิต ฉะนั้นจำเป็นต้องคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่บริษัทมีจุดเด่นและศักยภาพสูง เช่น สารสกัดสมุนไพรบำรุงผิว ครีมกันแดด หรือบำรุงผม เป็นต้น มาพัฒนาและนำเสนอภายใต้แบรนด์ของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์สกินแคร์ Burt’s Bees เริ่มจากการผลิต lip balm สูตรธรรมชาติเป็นแบรนด์ของตนเอง
- จัดทำแผนการตลาดและงบประมาณอย่างละเอียด
การสร้างแบรนด์ใหม่จำเป็นต้องมีการวางแผนการตลาดที่ชัดเจนและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งงบประมาณสนับสนุนอย่างเหมาะสม รวมถึงกลยุทธ์การสื่อสารตราสินค้าและกระจายสินค้า เช่น บริษัท OEM ผลิตครีม ShaAfra เปิดตัวกลยุทธ์การตลาดออนไลน์สำหรับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่หันมานิยมผลิตภัณฑ์ฮาลาล
- ศึกษาตลาดและคู่แข่งขันอย่างลึกซึ้ง
เพื่อให้สามารถวางกลยุทธ์ที่แตกต่างและมีจุดเด่นกว่าคู่แข่ง จำเป็นต้องมีการศึกษาวิเคราะห์ตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค ตลอดจนจุดแข็งจุดอ่อนของคู่แข่งอย่างละเอียด เช่น Watsons พัฒนาแบรนด์สกินแคร์ในเครือ Naturals ด้วยราคาที่ไม่สูงนักและจุดเด่นเรื่องส่วนผสมธรรมชาติ เพื่อจับกลุ่มผู้บริโภครักสุขภาพและกลุ่มวัยรุ่น
- พัฒนาตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่น
การมีตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่น สวยงาม บ่งบอกจุดขายและเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจน จะช่วยดึงดูดความสนใจและสร้างการจดจำให้กับแบรนด์ เช่น แบรนด์เกาหลี Innisfree มีบรรจุภัณฑ์รูปแบบใส่และสีเขียวเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงถึงผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ
- สร้างความน่าเชื่อถือและแสดงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม
การเน้นย้ำถึงความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและนวัตกรรมสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ผู้นำด้านนวัตกรรมสกินแคร์ ดังเช่นแบรนด์ Biore ที่โฆษณาสูตรลิ้นจี่ป้องกันสิวและย้ำเป็นนวัตกรรมใหม่ในนิตยสารและสื่อโฆษณา
- สร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า
การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าจะช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์ได้ อาทิ การให้บริการหลังการขายที่ดี การมีช่องทางรับฟังความคิดเห็น รวมถึงการตอบสนองอย่างรวดเร็วหากเกิดปัญหา เช่น บริษัท MyChelle เจ้าของแบรนด์สกินแคร์ธรรมชาติ ให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานเพื่อสร้างประสบการณ์การบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม
- หาพันธมิตรทางการค้า
การร่วมมือกับพันธมิตรทางการค้า เช่น ผู้จำหน่าย ผู้ผลิตวัตถุดิบ หรือบริษัทค้าปลีกและค้าส่ง จะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จของแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านการผลิต การตลาด และการกระจายสินค้า ตัวอย่างเช่น แบรนด์สกินแคร์จากประเทศเกาหลี Missha ได้ร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และร้านเครื่องสำอาง Beingmate เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในจีน
- ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา
การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องถือเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความแตกต่างและความได้เปรียบในการแข่งขัน บริษัท OEM ชั้นนำอย่าง Kolmar Korea ได้ตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขนาดใหญ่เพื่อคิดค้นสูตรและนวัตกรรมสกินแคร์ก้าวหน้า ก่อนจะส่งต่อให้แบรนด์ต่าง ๆ อาทิ Ezair, B.Glen และ Purlm เป็นต้น
- ใช้กลยุทธ์ราคาที่เหมาะสม
การกำหนดราคาที่เหมาะสมถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างแบรนด์ ทั้งการตั้งราคาสูงเพื่อสร้างภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม หรือตั้งราคาต่ำกว่าเพื่อจับกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง เช่น แบรนด์สกินแคร์จากเกาหลี Mizon วางตำแหน่งในระดับราคาไม่แพง แต่มีคุณภาพดี ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่
- สร้างการรับรู้แบรนด์อย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายหลังจากเปิดตัวแบรนด์แล้ว ต้องมีกิจกรรมการตลาดและการสื่อสารอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง ทั้งการโฆษณาผ่านสื่อต่าง ๆ การจัดรายการส่งเสริมการขาย การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการร่วมงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมสกินแคร์ระดับนานาชาติ
ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจ OEM ผลิตครีมสามารถสร้างแบรนด์สกินแคร์เป็นของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ กอบโกยยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น พร้อมเติบโตเป็นผู้นำระดับโลกในอนาคตได้