อุตสาหกรรมความงามและเครื่องสำอางก้าวเข้าสู่ยุคใหม่อย่างรวดเร็ว ด้วยเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง แบรนด์สกินแคร์ใหม่ ๆ จำเป็นต้องปรับตัวและเตรียมพร้อมรับมือกับแนวโน้มตลาดที่สำคัญ 7 ประการดังต่อไปนี้
- การตระหนักถึงความยั่งยืน (Sustainability Consciousness)
ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยแบรนด์สกินแคร์ต้องมุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือย่อยสลายได้ง่าย และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Ethique จากนิวซีแลนด์ผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเส้นผมในรูปแบบก้อนแข็งเพื่อลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก
- การเน้นสารสกัดธรรมชาติ (Natural Ingredient Focus)
ความนิยมผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาตินั้นกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริโภคให้ความสนใจกับสารสกัดจากพืช สมุนไพร หรือแหล่งที่มาธรรมชาติมากขึ้น เช่น แบรนด์ Tata Harper ใช้ส่วนผสมจากพืชผลในฟาร์มปลูกแบบออร์แกนิก ขณะที่ Fresh ใช้สารสกัดจากผลไม้สดเป็นหลัก
- การมุ่งเน้นสารอาหารบำรุงผิว (Nutricosmetics)
ผู้บริโภคให้ความสนใจกับการบำรุงผิวจากภายในด้วยสารอาหารต่าง ๆ อาทิ วิตามิน แร่ธาตุ และกรดไขมันที่จำเป็น แบรนด์สกินแคร์จึงออกผลิตภัณฑ์ประเภทเสริมอาหารควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายนอก เช่น HUM Nutrition และ The Beauty Chef
- การมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิว (Personalization)
การดูแลผิวและร่างกายที่มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและร่างกายของแต่ละบุคคล ทำให้แนวโน้มผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับแต่งส่วนผสมหรือสูตรให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละรายกำลังได้รับความนิยม เช่น Curology ซึ่งผสมสูตรทรีทเมนท์ส่วนตัวสำหรับแต่ละผู้ใช้
- เทคโนโลยีสมาร์ทบิ้วตี้ (Smart Beauty Technology)
เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อกับโลกดิจิทัลมีบทบาทมากขึ้นในอุตสาหกรรมความงาม อาทิ แอพวิเคราะห์สภาพผิวด้วยปัญญาประดิษฐ์ เครื่องพ่นสเปรย์แบบพิเศษเฉพาะบุคคล หรืออุปกรณ์สวมใส่ติดตามการดูแลสุขภาพผิว ตัวอย่างเช่น Opte ที่เป็นอุปกรณ์พ่นสเปรย์แป้งพรางรองพื้นหน้าระดับนาโนซึ่งปรับให้เข้ากับสีผิวเฉพาะบุคคล
- การนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบองค์รวม (Holistic Offerings)
ผู้บริโภคมองการดูแลผิวและร่างกายในภาพรวมมากขึ้น นอกเหนือจากการบำรุงภายนอก จึงมีแนวโน้มการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโปรแกรมที่ครอบคลุมถึงการออกกำลังกาย โภชนาการ และการจัดการความเครียด เช่น Goop ของกวินเนธ พัลโทรว์ที่มีทั้งผลิตภัณฑ์ความงามและโภชนาการ
- การใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Data-Driven Innovation)
แบรนด์ต่าง ๆ เริ่มใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และให้คำแนะนำแก่ผู้บริโภค ผ่านการเรียนรู้จากฐานข้อมูลของผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล เช่น L’Oréal ใช้ประโยชน์จากข้อมูลดิจิทัลเพื่อพัฒนา AI Nail Partner ที่วิเคราะห์รูปแบบเล็บและให้คำแนะนำการดูแลเล็บที่เหมาะสม
ด้วยแนวโน้มทั้ง 7 ประการนี้ แบรนด์สกินแคร์จึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ธรรมชาติ การดูแลที่เฉพาะเจาะจง เทคโนโลยี และมุมมองแบบองค์รวม การพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ทางการตลาดควรสอดคล้องกับแนวโน้มเหล่านี้ เพื่อประสบความสำเร็จในตลาดสกินแคร์ที่มีการแข่งขันสูงและเต็มไปด้วยความท้าทายใหม่ ๆ